วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Japan - Tokyo

Japan
(4-10 June 2015)



"เราชอบการเดินทางคนเดียว มันสนุกตื่นเต้น เร้าใจ อยากไปไหนก็ไป ไม่มีข้อจำกัดใดๆ มาวุ่นวาย ยกเว้นตัง"

ครั้งนี้ถือโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก เดินทางคนเดียว ด้วยโปรโมชั่นของ Air Asia จองข้ามปีกันเลยทีเดียว

ที่พัก - Tokyo Ueno 4 คืน / สนามบิน Narita 1 คืน
______________________________________________________

(วันที่ 1) วันพฤหัสบดี 4 มิถุนายน 2558


พร้อมเดินทาง กระเป๋าพร้อม ทุกอย่างพร้อม


เดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่ เวลา 15:30 น. Broading time 16:55 ออกเดินทางจากเชียงใหม่ เที่ยวบิน FD3432 Gate4

18.40 ถึงสนามบินดอนเมือง รอเวลาทำการเช็คอินโหลดสัมภาระที่เคาท์เตอร์แอร์เอเชีย 4 เปิดเวลา 20:45 ถ้าทำการเช็คอินทางเวปมาแล้วให้ไปเข้าแถวตรงช่อง Web Checkin ซึ่งคนจะน้อยกว่า ตอนนี้คนก็เริ่มมาเข้าแถวรอกันแล้ว เวลา 20:45 ได้เวลาเปิดเคาท์เตอร์เชคอิน พนักงานออกมายืนหน้าเคาท์เตอร์พร้อมกล่าวต้อนรับเที่ยวบิน XJ600 ไปญี่ปุ่น

เขียนใบผ่าน ตม.ให้เรียบร้อย ผ่านเข้าด่าน ตม. ขาออก เข้าไปรอด้านใน รอขึ้นเครื่อง XJ 600 ที่ Gate 14

Broading time 22:45

เวลา 23.45 น. ออกเดินทางด้วยเครื่องบิน Air Asia X แบบ Airbus A330-343 เที่ยวบิน XJ600 ออกจากสนามบินดอนเมือง Gate  ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ เวลา 08.10 น. เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง

บนเครื่องบินจะแจกใบผ่านเข้าเมือง และเอกสารตรวจคนเข้าเมือง เราสามารถดูวิธีการกรอกข้อมูลได้ จากเอกสารหน้าที่นั่งของ AirAsia  ที่นั่งเราจองเพิ่มเพื่อความสะดวกสบายโซนเงียบ 8K แต่ถ้าจะให้ดีจองแถวแรกตรงกลางจะกว้างมากยืดขาสบาย หรือด้านริมหน้าต่างก็กว้างแต่น้อยลงมาหน่อย แนะนำว่าถ้าอยากสบายก็จองเฉพาะขาไป ขากลับคนน้อยไปนั่งโซนหลังได้ บางทีคนไม่เยอะข้างๆ เราก็นั่งคนเดียวในแถวเลย



______________________________________________________

(วันที่ 2) วันศุกร์ 5 มิถุนายน 2558

เวลา 08.10 น. ถึงสนามบินนาริตะ Terminal 2
ผ่าน ตม.ญี่ปุ่น ไปตามลูกศร Arrivals


ผ่าน ตม.ออกมาเรียบร้อยแล้ว รับกระเป๋าเดินทาง ออกมาไวมาก เราไปถึงสายพาน กระเป๋าเราก็วนไปรอบๆแล้ว สังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า เค้าจะดีมากหัน tag ออกให้ได้เห็นทุกๆใบเลย เอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ดีมาก




ไปจัดการกับบัตรต่างๆ รวมทั้ง Sim Data แบบ prepaid





1. JR Kanto Pass (ใช้ได้ 3 วันติดต่อกัน เราจะเริ่มใช้ทีหลัง และ NE'X ไปยังสนามบิน) 8300 เยน แจ้งเปิดใช้วันที่ 7 June



พร้อมสำรองที่นั่งไป Edo Wonderland , Kawaguchiko และ NE'X ขากลับไปสนามบินนาริตะ

Shinkansen Yamabiko :  Ueno - Utsunomiya


Shinkansen Yamabiko :  Utsunomiya - Ueno


Azusa : Shinjuku - Otsuki


Kaiji : Otsuki - Shinjuku


NE'X : Tokyo - Narita Airport Terminal 2


ดูการเดินทางโดยใช้รถไฟได้ที่ที่่ www. Hyperdia.com หรือ โหลด App Hyperdia มาลง ถ้าใน Android ต้องใช้วิธีเปลี่ยน ID เป็นของญี่ปุ่น แล้วไปโหลดที่โน้นหรือไม่ก็ในไทยใช้ OpenVPN ข้ามประเทศซะก็เรียบร้อย ส่วน Iphone เปลี่ยน account เป็น USA ก็โหลดได้แล้ว app นี้ใช้ฟรี 30 วัน และ app Tokyo Subway

2. Suica (สำหรับ Pass แบบอื่นที่ใช้ไม่ได้ และใช้ซื้อของ ใช้จ่ายล็อกเกอร์) 2000 เยน
Suica สามารถหาซื้อได้ที่ตู้ขายบัตรราคา 2000 เยน ใช้มูลค่าในบัตรได้ 1500 เยนตามข้างต้น 
เลือก English เลือกเมนู Purchase New Suica / ตามขั้นตอน ใส่เงินไป 2000 เยน จะได้บัตรออกมา ถ้าจะเติมเงิน ก็ไปที่ตู้เติมเงิน เลือก English / Charge / สอดบัตร ดูยอดเงินคงเหลือ กดเติมเงิน 1000 เยน ใส่เงิน ดูยอดเงินทั้งหมด เอาบัตรออก จบ สามารถใช้ app Suica Reader ในมือถือดูการใช้เงินในบ้ตรได้ ใช้กับโทรศัพท์ที่มี nfc



3. Sim data prepaid ซื้อที่เคาท์เตอร์ รู้สึกจะซื้อแพงไปหน่อย 4500 เยน พลาดไปแล้วเรา ไว้คราวหน้าต้องหาซื้อที่ตู้กด เอาแบบราคาถูกสุด


4. Keisei +  Tokyo Subway 2 days (สำหรับใช้เข้าเมืองกับ Skyliner และ Pass ใช้กับ Subway 2 วันแรก) 3200 เยน




มีเวลาเยอะเลยจะหาอะไรทานที่สนามบินและเดินชมก่อน เลยสำรองเวลาของ Skyliner ไว้ตอน 12:02 ไปลงที่ Keisei-Ueno

Tokyo Subway ใช้ได้กับรถไฟใต้ดินทั้ง 9 สาย ของ Tokyo Metro และ 4 สาย ของ Toei Subway

พร้อมแล้วที่จะเดินทางไปที่พัก 



12:02
beginNARITA AIRPORT TERMINAL 2

[41 Min]
through
  • Keisei Skyliner 14



12:43
12:43
transferKEISEI-UENO

[8 Min]
through
  • Walk
12:51
endUENO

มาถึงสถานี Keisei-Ueno แล้วจะฝากกระเป๋าที่ล็อกเกอร์หรือไปที่พัก Tokyo Ueno New Izu Hotel 

วิธีใช้ Locker ที่จุดฝากหรือ Coin Locker


ขั้นตอนการฝากกระเป๋าโดย Coin Locker (รุ่นกุญแจ) มีวิธีดังนี้
1. หาล็อกเกอร์ที่ยังว่างอยู่ (ตู้ที่ยังว่างคือตู้ที่มีกุญแจเสียบค้างเอาไว้อยู่)
2. ใส่สัมภาระเข้าไปในล็อกเกอร์
3. ปิดประตูตู้
4. หยอดเหรียญให้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้
4. ดึงกุญแจออกเพื่อล๊อค
6. นำกุญแจมาไขเปิดเมื่อต้องการนำกระเป๋าออก
*หมายเหตุ ขั้นตอนการใส่สัมภาระเข้าไปในล็อกเกอร์ในข้อ 2. คุณควรให้แน่ใจว่านำของที่ต้องการใส่เข้าไปครบแล้วทุกชิ้น เนื่องจากเมื่อปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ หยอดเหรียญและล็อคเสร็จไปแล้วเกิดคุณนึกขึ้นได้ว่ายังนำของใส่เข้าไปไม่ครบ หากคุณไขกุญแจเปิดประตู ระบบจะกินที่คุณเพิ่งหยอดไปเลย ทำให้คุณต้องหยอดเงินใหม่อีกรอบ

ตู้ล็อคเกอร์รุ่นใหม่ มักมีวิธีใช้บริการเป็นภาษาอังกฤษกำกับอยู่ ขั้นตอนการใช้มีดังนี้
กรณีจ่ายเงินโดยเงินสด
1. หาล็อกเกอร์ที่ยังว่างอยู่ (ตู้ที่ยังว่าง จะไม่มีดวงไฟปรากฏ) จดจำหมายเลขตู้เอาไว้
2. ใส่สัมภาระเข้าไปในล็อกเกอร์แล้วปิดประตู
3. ไปที่หน้าจอ กดเลือกภาษาอังกฤษ หน้าจอจะโชว์รูปตู้ล็อกเกอร์ที่เราเพิ่งเอาของใส่เข้าไป
หากไม่โชว์ให้เลือก “Put in the Bag” แล้วพิมพ์หมายเลขตู้ของเรา
หากไม่โชว์ให้เลือก “Put in the Bag” แล้วพิมพ์หมายเลขตู้ของเรา


4. เลือกวิธีชำระเงินโดยกดปุ่ม “Cash”
5. ชำระค่าใช้จ่ายตามที่แจ้ง โดยหยอดเป็นเหรียญ
6. รับใบเสร็จรับเงิน ในใบเสร็จรับเงินจะมีเลขพาสเวิร์ด (PIN) เอาไว้ ต้องเก็บไว้ให้ดี
7. เมื่อต้องการเปิดตู้เอาสัมภาระออก ให้ไปกดที่หน้าจด เลือกภาษาอังกฤษ แล้วเลือก “Take out the Bag”
6. เลือกปุ่มพิมพ์หมายเลขล็อกเกอร์
7. พิมพ์ตัวเลขล็อกเกอร์ของเรา พร้อมพิมพ์พาสเวิร์ด (PIN) ตามที่แจ้งไว้ในใบเสร็จรับเงิน
8. ประตูตู้ล็อกเกอร์ของเราจะเปิดออก
9. นำของออกจากล็อกเกอร์
  
ตู้ล็อคเกอร์รุ่นใหม่ มักมีวิธีใช้บริการเป็นภาษาอังกฤษกำกับอยู่ ขั้นตอนการใช้มีดังนี้
กรณีจ่ายเงินโดยบัตร ic-card เช่นบัตร Suica บัตร Pasmo และอื่นๆ
1. หาล็อกเกอร์ที่ยังว่างอยู่ (ตู้ที่ยังว่าง จะไม่มีดวงไฟปรากฏ) จดจำหมายเลขตู้เอาไว้
2. ใส่สัมภาระเข้าไปในล็อกเกอร์แล้วปิดประตู
3. ไปที่หน้าจอ กดเลือกภาษาอังกฤษ หน้าจอจะโชว์รูปตู้ล็อกเกอร์ที่เราเพิ่งเอาของใส่เข้าไป
4. เลือกวิธีชำระเงินโดยกดปุ่ม Suica
5. ชำระค่าใช้จ่ายตามที่แจ้ง โดยนำบัตร Suica แตะที่แป้น
6. รับใบเสร็จรับเงิน
7. เมื่อต้องการเปิดตู้เอาสัมภาระออก ให้ไปกดที่หน้าจด เลือกภาษาอังกฤษ แล้วเลือก “Take out the Bag”
6. เลือกปุ่ม SUICA
7. นำบัตร SUICA แตะที่แป้น
8. ประตูตู้ล็อกเกอร์ของเราจะเปิดออก
9. นำของออกจากล็อกเกอร์
Small 
approx. 35cm x 43cm x 57cm 
(13in x 16in x 22in) 
by far the most common size, found in large numbers at virtually all stations
Medium 
approx. 57cm x 43cm x 57cm 
(22in x 16in x 22in) 
available in small numbers at major stations
Large 
approx. 117cm x 43cm x 57cm 
(44in x 16in x 22in) 
available in very small numbers at major stations

ถึงสถานี Keisei Ueno  京成上野駅 แล้ว

เดินไปยังทางเชื่อมไป Tokyo Metro Ueno Station  ออกทาง  Exit 3



หรือเดินไปในสถานี JR Ueno ข้ามสะพานลอย ลงทางเลื่อนมาออกทางหมายเลข 4 

เข้าที่พัก โรงแรม Tokyo Ueno New Izu เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกไปชมเมืองกัน ที่แรกที่จะไปวัด Asakusa หรือ Sensoji Temple โดยนั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line ไปลงที่สถานี Asakusa 

ใช้บัตร Tokyo Subway 2 days ใช้เหมือนบัตร Rabbit บ้านเรา ใส่ด้านไหนก็ได้ เมื่อใส่เข้าไปครั้งแรกพอออกมาจะพิมพ์วันที่เปิดใช้วันแรกให้ด้วย


Exit 1,3  Sensoji Temple
Exit 7 ตึกสถานี Tobu Skytree Line
Exit 8 หน้าห้าง Matsuga

มาถึงวัด Sensoji Temple สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ในการมาเยือนประเทศญี่ปุ่น
ผ่านประตูสายฟ้า Kaminarimon และ Hozomon ประตูคลังสมบัติ

















ร้านอาหารที่น่าสนใจ Nakasei เทมปุระ Daikakuya เทมปุระ Irokawa Unagi ข้าวหน้าปลาไหล Omioyasan ร้านขนมมัน Umezono ร้านขนมหวาน Funawa ร้านขนมหวานและไอศครีม Testa Rossa Cafe ร้านพุดดิ้ง 



ต่อด้วยล่องเรือไปโอไดบะ


Tokyo Cruise ล่องเรือแม่น้ำสุมิดะ-โอไดบะ ท่าเรืออยู่ที่เชิงสะพานแดง Azumabashi ราคาเที่ยวเดียว 1260 เยน มีเปลี่ยนเรือด้วย ระวังอย่าหลง มี เจ้าหน้าที่คอยบอกให้เรารอเรืออีกลำที่จะไป Odaiba
























ถึงแล้ว Odaiba ถ้าเราจะเที่ยวใน Odaiba ก็ซื้อ 1 day pass ที่นี่ราคา 800 เยน










เดินทางไปย่าน Ueno  นั่งรถไฟลอยฟ้า Yurikamone (ไม่มีคนขับ)


จากสถานี Odaiba ไปสถานี Shimbashi  ใช้ Pass ไม่ได้ต้องหยอดเหรียญ ราคา 320 เยน


และจาก Shimbashi ไป Ueno ใช้ Subway Pass


ถึงสถานี Ueno กลับที่พัก




______________________________________________________

(วันที่ 3) วันเสาร์ 6 มิถุนายน 2558

ไหนๆมาแล้วไม่ไป Disney Sea คงไม่ดีแน่ ต้องไปเยือน เวลาเปิดปิด 9.00-22.00
ออกเดินทางจากที่พักไปสถานี Ueno

วันนี้ไม่รีบ ถ้าเราไม่ได้สำรองที่นั่งรถไฟที่จะใช้บัตร Jr Kanto Pass ในวันพรุ่งนี้ เราต้องไปจัดการสำรองที่นั่งวันพรุ่งนี้ของ JR Kanto Pass ซะก่อน ในสถานี Ueno ที่JR Ticket Office /  JR East Travel service center 

พร้อมแล้วเดินทางไปยัง Disney Sea บัตรเราซื้อมากจากที่ไทยเลย เพราะยังไงก็รับประกันว่าสามารถเข้าได้แม้ว่าเค้าจะปิดเพราะคนเข้าเต็มแล้วก็ตาม Thailand Exclusive Passport (1-Day) ราคา 1975 บาท




ออกเดินทางจากสถานี Ueno ใช้ Subway Pass




จาก Hatchobori (Tokyo) เปลี่ยนไปใช้ JR Keiyo Line ไป Maihama ใช้บัตร Suica ราคา 220 เยน
08:01
beginUENO

[12 Min]
through
  • Tokyo Metro Hibiya Line

¥170
08:13
08:20
transferHATCHOBORI(TOKYO)

[15 Min]
through
  • JR Keiyo Line Local

¥220
08:35
08:35
transferMAIHAMA

[5 Min]
through
  • Walk
08:40
08:41
transferRESORT GATE WAY

[10 Min]
through
  • Disney Resort Line

¥260
08:51
endTOKYO DISNEY SEA

จากสถานี Maihama เดินไปขึ้น Disney Resort Line ไป Disney Sea ราคา 260 เยน ถ้าจะไป Disney Land เดินจากสถานี Maihama ไปได้ ไม่ต้องขึ้นให้เสียเงิน

ถึงแล้ว Disney Sea มีโซนต่างๆ
Mediterranean Harbour ท่าเรือเมดิเตอร์เรเนียน
American Waterfront เขตริมฝั่งน้ำอเมริกา
Port Discovery เมืองท่าแห่งอนาคต
Lost River Delte แม่น้ำสายปริศนา
Arabian Coast ชายหาดแดนอาหรับ
Mermaid Lagoon นครเงือกใต้บาดาล
Mysterious Island เกาะลึกลับ








































มีการแสดงเวลา 14:30 น.










ได้เวลากลับ ใช้เส้นทางเดิมกลับมาที่ Ueno


20:06
beginTOKYO DISNEY SEA
[4 Min]
through
  • Disney Resort Line
¥260
20:10
20:10
transferRESORT GATE WAY
[5 Min]
through
  • Walk
20:15
20:15
transferMAIHAMA
[15 Min]
through
  • JR Musashino Line
¥220
20:30
20:39
transferHATCHOBORI(TOKYO)
[10 Min]
through
  • Tokyo Metro Hibiya Line
¥170
20:49
endUENO


มาถึง Ueno แวะทานอาหารที่ Ameyoko ก่อน








จาก Ueno มา Asakusa



 และจาก Asakusa ไป Skytree ถ้าไปสาย Tobu Skytree Line (ต้นสาย) ไปลงที่ Skytree อันนี้ใช้ Subwaypassไม่ได้ ต้องใช้ใต้ดิน ไปลงที่สถานี Oshiage แต่เราดันขึ้นผิดไปกับ Tobu Skytree Line 


โซน Tower Yard
Tokyo Skytree สูง 350 ม. ที่ชั้น 5 มีขายของที่ระลึก
เราไปหาแก้ว Starbucks แบบ limited
โซน West Yard ชั้น 1 ร้านขายของที่ระลึก , Starbucks , Tokyo Banana
โซน East Yard ชั้น 6 Starbucks








ยังไม่หมดแรง เราไป Shinjuku กันต่อ


กลับที่พัก

______________________________________________________

(วันที่ 4) วันอาทิตย์ 7 มิถุนายน 2558

วันนี้ไปเที่ยว Edo Wonderland โดยใช้บัตร JR Kanto Pass




7:18
beginUENO
[ Departure track No.20 ]


[45 Min]
through
  • SHINKANSEN YAMABIKO 123


08:03
08:23
transferUTSUNOMIYA
[ Arrival track No.1 / Departure track No.5 ]


¥2,590
[48 Min]
through
  • JR Nikko Line

09:11
endNIKKO



ถึงสถานี Nikko



เดินออกมาจากสถานีแล้วเลี้ยวซ้าย เจอป้ายบัส Free Shutter Bus ไป  EDO Wonderland เวลาออกเที่ยวแรก 10:00 ใช้เวลา 30 นาที



ตารางเดินรถ 20 มีนาคม - 30 พฤศจิกายน

(วันหยุด: พุธ)

  1. ออกจาก ฟูจิยะ
    คังโกะเซ็นเตอร์
    (นิกโก โทโช-กุ มาเอะ)
  2.            ถึง
         นิกโก เอโดะมุระ  

                            สถานีเจอาร์ นิกโก

9:5010:0010:30
11:3011:4012:10
13:1513:2513:55
14:45-15:20
  1. ออกจาก
    นิกโก เอโดะมุระ
  2.            ถึง ฟูจิยะ์
           คังโกะเซ็นเตอร์
            (นิกโก โทโช-กุ มาเอะ)

                            สถานีเจอาร์ นิกโก

10:50-11:25
12:3013:0013:10
14:0014:3014:40
15:5516:25-
17:0017:30-

ถึงแล้ว EDO Wonderland บัตรเราซื้อมากจากที่ไทยเลย ราคาค่าเข้า 1005 บาท















































ออกจาก EDO Wonderland เวลา 15.30 น. เพื่อให้ทันขึ้นรถบัส เวลา 15:55 ถึงสถานี Nikko เวลา 16:25 (เที่ยวสุดท้าย 17:00-17:30)

16:43
beginNIKKO
[43 Min]
through
  • JR Nikko Line

17:26
17:34
transferUTSUNOMIYA
[ Arrival track No.5 / Departure track No.4 ]


¥2,590
[44 Min]
through
  • SHINKANSEN YAMABIKO 52


18:18
endUENO
[ Arrival track No.21 ]



กลับมาถึง Ueno เข้าที่พัก

ออกไปเที่ยวย่าน Akihabara

กลับที่พัก
______________________________________________________

(วันที่ 5) วันจันทร์ 8 มิถุนายน 2558

วันนี้เราจะไปที่ ODAWARA ไปชมฟูจิซัง  กินไข่เค็มดำ ล่องเรือที่ฮาโกเน่

7.00 น. ออกจากโรงแรมที่พัก ไปที่สถานี Ueno ต่อที่สถานี Tokyo เปลี่ยนขบวนไปลงที่ Odawara




ใช้ JR Kanto Pass สามารถใช้ได้เฉพาะ JR Tokaido Line เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับชินคันเซนได้

08:11
beginUENO
[ Departure track No.7 ]


[6 Min]
through
  • JR Utsunomiya Line

08:17
08:18
throughTOKYO
[ Arrival track No.9 / Departure track No.9 ]


¥1,490
[70 Min]
through
  • JR Tokaido Line Rapid Acty

09:28
endODAWARA



ถึง Odawara ชมปราสาท Osawara เดินออกไปตามป้ายเลย

















Hakone Free Pass ที่นี่ราคา 4000 เยน ถูกกว่าซื้อยิบย่อย
Hakone Tozan Bus 1 Day Pass ราคา 1000 เยน
Hakone Tozan Train & Cable Car 1 Day Pass ราคา 1540 เยน
Hakone Sightseeing Cruise ราคาไปกลับ 1840 เยน
แต่ถ้านั่งเรือจากท่า Hakone-machi ไป ท่าเรือ Moto-hakone-ko  10 นาที ก็แค่ 350 เยน
จากท่าเรือ Moto-hakone-ko ไปท่าเรือ Togendai ใช้เวลา 30 นาที ราคา 970 เยน

(Hakone Tozan Bus 1 Day Pass ราคา 1000 เยน+Hakone Sightseeing Cruise Hakone-machi ไปMoto-hakone-ko  350 เยน +  Hakone Tozan Train Gora-Odawara 670 เยน รวม 2020 เยน)

กระเช้า Hakone Ropeway ไปกลับ 2410 เยน ปิดเนื่องจากภูเขาไฟปะทุ เลยอดไปชิมไข่ดำ แต่นั่นไม่เป็นปัญหา เราไปทางอื่นกัน




ที่แรกที่เราจะไปคือทะเลสาปอาชิ ไปล่องเรือกัน

ออกจากสถานี Odawaraไปขึ้น Hakone Tozan Bus-R (Hakone-Shindo Line) ดูป้ายรถให้ดี จะเป็นชื่อย่อภาษาอังกฤษ ด้านหน้า ด้านข้างและด้านท้าย ที่ที่เราจะไปคือท่าเรือ Hakone-machi ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
(ถ้าเราไม่ได้ซื้อ Hakone Free Pass เวลาขึ้นรถ ก็ขึ้นทางด้านหน้า แล้วดึงหยิบตั๋วจากเครื่องอัตโนมัต ตอนลงก็แตะบัตรหรือจ่ายเงินตามราคาที่ขึ้นป้าย)

แต่เนืองจากกำลังงงกับ Bus เลยไปถามคุณป้าที่ร้านขายตั๋ว นางก็ให้ตามไปพร้อมกับวิ่งไปที่ Bus เราก็ขึ้นบัสไปผิดที่จะลง เพราะเราบอกกับคุณป้าผิดที่ กลายเป็นว่า บอกคุณป้าจะไปที่  Hakone-Yumoto ก็ยังโชคดีนะ เพราะเงินในบัตร Suica เราไม่พอที่จะไป Hakone-machi แน่ อันนี้ต้องขอบคุณคุณป้าที่กุลีกุจอวิ่งไปส่งให้ ตอนนี้เราเลยได้ไปที่สถานี  Hakone-Yumoto ต่อด้วย Hakone Tozan Bus - K ไปลงที่ Moto-hakone-ko

คราวนี้เราซื้อบัตรตรงป้ายรถฝั่งตรงข้ามกับสถานี Hakone-Yumoto ราคา 1750 เยน แนะนำให้ซื้อเนื่องจากถ้าเราไปท่าเรือใช้เงินจะราคาพันกว่าเยนแล้วแพงมาก แล้วบัตรนี้สามารถขึ้นรถไฟได้ด้วย


Hakone Tozan Bus -K จากHakone-Yumoto ไปลงที่ Moto-hakone-ko







ถึง Moto-hakone-ko















นั่ง Bus ไปต่อที่ท่าเรือ Hakone-Machi















ท่าเรือ  Hakone-Machi - Moto-hakone-ko - Togendai -  Hakone-Machi ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที

จากท่าเรือ Hakone-Machi กลับไปที่สถานี Hakone-Yumoto  โดยนั่ง Hakone Tozan Bus -H

นั่งรถไฟ Hakone Tozan Train เล่นสักรอบ ก่อนกลับไปที่สถานี Odawara








ไปต่อที่ Yokohama ทานอาหารชมความงามยามค่ำคืนที่นี้
จาก Odawara เรานั่งตรงไปที่ Yokohama เลย

16:05
beginODAWARA

[52 Min]
through
  • JR Tokaido Line

¥970
16:57
endYOKOHAMA
[ Arrival track No.8 ]




ถึงแล้ว Yokohama


ไปชมความงามที่ Minato Mirai 21 โดยใช้ JR เป็นหลัก

17:22
beginYOKOHAMA
[ Departure track No.3 ]
[5 Min]
through
  • JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Local
¥140
17:27
endSAKURAGICHO


ถึงแล้ว Minato Mirai 21


















ไปต่อย่าน China Town

19:00
beginSAKURAGICHO
[2 Min]
through
  • JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Local
¥140
19:02
endKANNAI

ได้เวลากลับแล้ว

21:01
beginKANNAI
[51 Min]
through
  • JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Local
¥640
21:52
endUENO


กลับที่พัก

______________________________________________________

(วันที่ 6) วันอังคาร 9 มิถุนายน 2558

8.00 ทำการ Check out ออกจากโรงแรมที่พัก ฝากกระเป๋าไว้ก่อน ตอนค่ำๆ จะกลับมาเอา

ไปทะเลสาป Kawaguchiko สามารถใช้ JR Kanto Oass ไปถึง สถานี Kawaguchiko ได้เลย



มาถึงสถานี Shinjuku Track 3 เดินขึ้นไปและลงมาที่ Track 10 ซึ่ง AZUSA7 รออยู่ Car 6  Seat 14-Dออกเวลา 8:30 ถึงสถานี OTSUKI 9:38



มาถึงสถานี OTSUKI



จะถึงสถานี Fujikyu-Highland ก่อนเพื่อสลับรางหันวิ่งกลับด้านไปสถานีปลายทาง ซึ่งเราลงผิดนึกว่าถึงแล้วที่ชานชาลา 2 แต่เวลายังไม่ใช่นี่นา เพราะต้องตรงเวลาเป๊ะ ไหนๆ ก็ผิดแล้ว ลงมาชิมอาหารที่นี่กันก่อน ก่อนที่จะกลับไปขึ้นขบวนใหม่ที่ชานชาลา 2 เช่นเดิม



มาถึง Kawaguchiko แล้วซื้อ 2 day pass ในราคา 1200 เยน ซื้อที่สถานีหรือซื้อกับคนขับก็ได้ สำหรับในการขึ้นรถ Retro Bus ชมรอบทะเลสาป ไปลงที่สถานีสุดท้ายเลย มี 21 สถานี เราไปเส้นทางสายสีแดง จนสุดสายก่อนที่จะค่อยๆ แวะกลับมาที่สถานี






เสียดายมาถึงแล้วอากาศก็ไม่เป็นใจมีเมฆมาบังฟูจิซังของเราอีกมองไม่เห็นเลย

















ได้เวลากลับจาก Kawaguchiko ไปที่สถานี Osuki ต่อขบวน Kaiji เวลา 15.04 ไปลงที่ Ueno









มาถึงสถานี Ueno กลับมาที่โรงแรมเอากระเป๋าเดินทาง ต่อไปยังสถานี Tokyo เพื่อไปยังนาริตะ ระหว่างรอเวลาก็หาขนมทานสักหน่อย








เดินทางไปยังสนามบินนาริตะ คืนนี้เราจะค้างกันที่นี่ ใช้ JR Kanto Pass ที่แลกตั๋ว NEX เอาไว้แล้ว
ตรง Track No 4 นี้จะมี Sobu Line  ด้วย คนจะต่อแถวกันเยอะมาก

19:03
beginTOKYO
[ Departure track No.4 ]


[60 Min]
through
  • LTD. EXP NARITA EXPRESS 51

¥1,320
20:03
endNARITA AIRPORT TERMINAL 2






ถึงสนามบิน Narita Terminal 2 
เข้าพักที่ Nine hours Narita Airport ที่พักแบบแคปซูล อยู่ Terminal 2 เดินไปตามป้ายบอกทาง 9h Nine hours สังเกตว่าจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาท์เตอร์เชคอิน เดินเป็นสี่เหลี่ยม





______________________________________________________

(วันที่ 7) วันพุธ 10 มิถุนายน 2558

6:00 เชคเอาท์ออกจากที่พักไป Chenk in ที่เคาท์เตอร์ Airasia X ชั้น3 ขาออก ที่ Terminal 2 Row N ชั้น 3 ดูตามป้าย Airasia X เปิดเวลา 6:15 น. โหลดกระเป๋าให้เรียบร้อย





แก้วมัค starbucks ที่สะสม คราวหน้าก็ซื้อที่สนามบินมีครบ แต่ที่นี่ยังขาดของฮอกไกโด ไว้คราวหน้าเจอกันที่ฮอกไกโด


ผ่าน ตม.เปิดทำการ 7:30 น. รีบต่อแถว เข้าไปช้อป เรามีเวลาน้อย ขนมข้างในถูกกว่าข้างนอกอีก ไว้มาใหม่ ซื้อมันข้างในนี่แหละ
Broading time 8:15




เวลา 8:40 ประกาศขึ้นเครื่อง
เดินทางกลับจากท่าอากาศยานนาริตะ เวลา 9.05 เที่ยวบิน XJ601 แบบ Airbus A330-343 นั่งฝั่งเดิม 8K คราวนี้เห็นฟูจิอยู่ไกลๆ เห็นยอดเหนือเมฆให้ชื่นใจ






ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 14.05 และต่อไปยังสนามบินเชียงใหม่ด้วย FD3429 เวลา 18.10 Broading time 17:30 ถึงเชียงใหม่ เวลา 19.25 โดยสวัสดิภาพ




ไว้เจอกันทริปหน้า Bye
______________________________________________________