Singapore 2011

Singapore 2011

19-21 September

     เป็นครั้งที่สองในรอบปีที่เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ หลายคนถามว่ามีอะไรดี ไปทำไม ก็อยากจะตอบว่า ไปดูอะไรแปลกใหม่ ในสิ่งที่บ้านเราไม่มี แล้วก็ถ้ามีโอกาสได้ไปก็จะไปเที่ยวให้คุ้ม เปิดโลกทัศน์ให้กว้าง จะไปกี่รอบก็ได้ ชอบ ขอให้ได้ไปเถอะ

     คราวที่แล้วบินตรงจากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์ สำหรับทริปนี้เดินทางจากเชียงใหม่ไปเจอเพื่อนกันที่กรุงเทพแล้วไปสิงคโปร์พร้อมกัน
     ได้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยสายการบินไทย TG123 เวลา  07:10 มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้ไมล์สะสมทั้งทีเลยแลก Business class และมื้อเช้าสำหรับวันนี้บนเครื่อง

     มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วเพื่อมาต่อเครื่อง Air Asia เที่ยวบิน FD 3507 ไปลงที่ท่าอากาศยานชางฮี ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับเพื่อน

     เช็คอินที่เค้าท์เตอร์ของ AirAsia (เราได้ Boardind pass แล้วแต่เพื่อความชัวร์) มีเรื่องน่าตื่นเต้นซะแล้ว Passport ของเราอายุเหลือเพียงสี่เดือน เขากำหนดต้องเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน เราว่าดูดีแล้วนะ ดูหลายรอบด้วย (ดู JAN เป็น JUN) หนาวเลย แต่ทางเจ้าหน้าที่ของแอร์เอเชียก็อนุโลมออกตั๋วให้บอกว่าที่สิงคโปร์ให้ผ่านแต่ที่อื่นๆไม่ได้ โล่งไปด่านนึง มาตรวจที่ ตม ไทย ลุ้นอีกว่าจะผ่านไหม ผ่านโล่งไปอีกเปราะ ต้องรอลุ้นที่ ตม สิงคโปร์อีกที ยังกะอยู่ในอาคาเดมีแฟนเทเซียเลย ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ รออีกสองชม รู้กัน 

    ว่าจะช๊อปของปลอดภาษีในสนามบินซะหน่อยแต่เวลาไม่พอ เพราะเสียเวลาในการเข้าคิวที่ด่าน ตม นาน เลยต้องรีบเดิน ดูโน้นนี่ แล้วไปที่ Gate เลย เดินอ้อมไกลมาก (ฝึกไว้)

    13:30 ก็ขึ้นเครื่องไปสิงคโปร์ ที่นั่งแคบตามเคยแต่ทำไงได้สำหรับ Low cost ถ้าจะย้ายไปนั้ง Hotseat ก็เพิ่มอีก 350 บาท ว่างๆ ก็ถ่ายรูป เม้ากับแอร์

     มาถึงแล้ว Changi Airport ลุ้นระทึกกับการผ่านเข้าประเทศ ระหว่างยืนตรวจที่ ตม สิงคโปร์ เหมือน AF นักล่าฝันโดนเรียกไปยืนปากเหว ตรวจปั๊มตรา ผ่านแน่ ...แต่ ตมบอกว่า อายุใน Passport ไม่ถึง 6 เดือน (ตกใจหมด) เขาบอกต่อว่าห้ามอยู่เกิน 6 เดือน เพราะบัตรคุณไม่ถึงหกเดือนนะ (มาแค่สามวันเอง) ได้ไปต่อ กลับไปต้องรีบต่อ Passport ด่วน คราวหน้าจะไม่พลาดอีกแล้ว

      เข้าประเทศสิงคโปร์ได้แล้ว เราจะเข้าเมืองโดยไป MRT กัน เดินไปตามป้ายบอกทาง SkyTrain to T2 แล้วขึ้น SkyTrain ไป Terminal 2
      แวะเอา User กะ Password ที่ใช้ Wifi ในสนามบินซะหน่อย นึกว่าจะใช้ข้างนอกได้ แต่ไม่เป็นไร เรา Roamind data ของ Ais แบบ Unlimit 3 วัน ราคา 950 บาท (ไม่รวม Vat) มาถึงที่นี่ก็เปลี่ยนเครือข่ายเป็นของ SingTel ทันทีใช้ได้เลย แต่เราลงทะเบียน Wifi ไม่ได้แฮะ ไม่เป็นไรใช้แบบนี้ก็ได้ 3G ของเขาก็แรง

      ไปหาซื้อบัตร Singapote Tourist Pass ราคา 34 SGD ใช้ได้สามวัน คืนบัตรได้กลับมา 10 Sgd อันนี้ต้องมีเงินมาพอดีเพราะเขาไม่มีทอน เท่ากับเหมาจ่ายวันละ 8 SGD ขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ไม่จำกัด

     จากนั้นผ่านเข้าไป MRT ขึ้นสายสีเขียวปลายทาง Jookoon ลงที่สถานี Bugis ดู GPS เดินไปตามถนน Rochor อีกนิดเข้าที่พัก Hotel 81 Rochor ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที สำหรับห้องพักที่นี่สะอาดดี มี Tv กาน้ำร้อน ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว มีสายแลนให้ด้วย ส่วน Wifi ฟรี ขอได้เลยวันต่อวัน ที่สำคัญไม่มีหน้าต่าง เช้ามาไม่รู้เลย ต้องตั้งนาฬิกาปลุกอย่างเดียว เสียอย่างเดียวตอนนี้เขากำลังก่อสร้างติดกับโรงแรมเลยสั่นสะเทือนนิดหน่อย นอนอยู่เตียงสั่น นึกว่าใครมาเขย่าเตียง

    เกือบจะทุ่มแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลาออกตะลุยกันต่อ ใช้บริการ MRT สถานี Bugis ไปลงที่ City Hall แล้วเดินไปต่อ Suntec city ว่าจะไปใช้บริการ Duck Tour แต่เคาท์เตอร์ปิดไปแล้ว (1 ทุ่ม) เราเลยไปนั่งชม Fountain of Wealth

     เดินผ่านสถานที่แข่งขัน Formula 1 เสียดาย เรามาเร็วไปนิดนึง ไม่งั้นได้ดูกะเขาด้วย

     ก็ไปต่อกันที่ Singapore Flyer ราคาค่าขึ้น 29.5 Sgd ชมวิวประมาณ 30 นาที

แบบ VIP

     จากนั้นก็เดินต่อไปที่ Marinar bay sand และจบสุดท้ายที่ Merlion Park มีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ เนื่องจากไปถึงเที่ยงคืนกว่าแล้ว เจ้า Merlion ตัวใหญ่ไม่พ่นน้ำแล้ว ส่วนตัวเล็กยังพ่นอยู่

     ตีหนึ่งกว่าแล้ว ต้องหา Taxi กลับ ตอนกลางคืนนี่ชาร์ตเพิ่มอีก 50% โดนไป 12.8 SGD

     วันที่สอง เราจะไปเที่ยวเกาะ Sentosa กัน คราวนี้เราเปลี่ยนไปขึ้นที่สถานี Little India สายสีม่วง platform A มาลงปลายทางที่ Harbor Front แวะทานอาหารเช้าที่ Food court ของ Vivo city

     ได้เวลาข้ามไป Sentosa แล้ว ซื้อตั๋วผ่านเครื่องอัตโนมัติ 3 Sgd นั่ง Sentosa Express ข้ามไป ลงสถานีแรก

     มาถึงแล้ว Universal ค่าเข้า 66 Sgd อยู่ทั้งวัน แต่วันนี้โชคไม่ค่อยดี ฝนตก ไม่เป็นไรเตรียมเสื้อฝนมาแล้ว ใส่คลุมเลย มีทั้งเสื้อกันฝนและร่ม  ตกสักพักก็หยุด แต่ยังปรอยๆอยู่ ลากเพื่อนๆ ไปเล่นกัน โดยเฉพาะรถไฟเหาะตีลังกาคู่ (ครั้งนี้ขอตัวไม่เล่นละกัน)

มื้อกลางวันใน Universal 

     ตอนเย็นแวะทานข้าวใน Vivocity เสร็จแล้ว นั่งรถบัสสาย 145 ไป Henderson Wave เงียบ ดูน่ากลัว แต่ก็มีคนอยู่บนสะพานเป็นคู่ๆ ติดกล้องวงจรบิดตลอด

     ขากลับก็นั่งรถสายเดิมมาลงที่ Vivocity ขึ้น Mrt ไปแวะเที่ยว China Town ออกจากสถานีเลยแวะซื้อมือถือซะหน่อยได้มา 1 เครื่อง ราคาถูกกว่าเมืองไทยและสามารถขอคืนภาษีได้ด้วย ต้องบอกตอนจ่ายเงินจะได้สลิปพร้อมใบ Refund แนบมาด้วยไว้ เอาไปกรอกข้อมูลคืนภาษีที่สนามบิน จากนั้นขึ้น MRT มาลงที่ Little India แวะช๊อปปิ้งกันที่ Mustafa น้ำหอมถูก ห้างนี้เปิด 24 ชม ลืมขอใบคืนภาษีซะนี่ เดินกลับที่พัก เที่ยงคืนกว่าสำหรับวันนี้

     วันสุดท้าย ไปแวะที่ ChinaTown อีกครั้ง แวะซื้อของฝากต้องเดินดูหลายๆร้านก่อนซื้อราคาไม่เท่ากัน เดินชม  Sri Mariamman Temple และ Buddha tooth relic temple แวะทานข้าวมันไก่แถวสถานี MRT (หาร้านเจ้าดังไม่เจอ) ก็พอใช้ได้ 2 SGD พิเศษ 3 SGD

Sri Mariamman Temple

Buddha tooth relic temple 

     ขึ้น MRT ไปต่อกันที่ Orchad road เดินสักพักก็นั่งรถบัสเล่นกันไปไหนก็ไม่รู้ ดูจาก GPS แล้วน่าจะเป็นที่ Queen road รีบลงแล้วก็ขึ้นรถบัสสาย 48 กลับที่พัก ผ่านหน้าโรงแรมพอดี ว่าจะเดิน Simlim square ฝั่งตรงข้าม แต่เดินไม่ไหวแล้ว ไปสนามบินชางฮีเลยดีกว่า

    ใช้บริการ MRT ที่ Bugis MRT Station ถึงสนามบิน ต่อไปยัง Terminal 1 เนื่องจาก เราได้ Broading pass เรียบร้อยจากในเนตแล้ว และไม่ได้โหลดของ ก็เดินเข้าข้างใน ผ่าน ตม. ขาออก เข้าไปใน Duty Free ไปทำ Tax Refund มือถือที่ซื้อมา 430 SGD ,GST Amount 28.13 ได้เงินคืนกลับมาช้อปปิ้งในนี้ต่อ 23.65 SGD ระหว่างรอเครื่ิองกลับประเทศไทย

เขียนข้อมูลในใบที่ร้านแนบมาให้เรียบร้อยก่อนยื่น พร้อมของที่ซื้อมา (กรณีที่หิ้วขึ้นเครื่อง)

ขั้นตอนการ Claiming Tax Refund

 
     ขึ้นเครื่อง Air Asia FD3506 กลับถึงประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ ยังมีให้ช๊อปปิ้งต่อเล็กน้อย เลยได้น้ำหอมมาอีกขวดนึง

สรุปค่าใช้จ่ายหลักสำหรับทริปนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ แอร์เอเชีย จากสุวรรณภูมิไปสิงคโปร์  4,753 บาท
- ค่าที่พักสองคืน  106.56 SGD ไม่รวมอาหารเช้า
- ค่าบัตร Singapote Tourist Pass 24 SGD
- ค่าขึ้น Singapore Flyer 29.5 SGD
- ค่าเข้าเกาะ Sentosa โดย Sentosa Express 3 SGD
- ค่าเข้าชม Universal 66 SGD
- ค่าอาหาร ตามใจปากละ

ทริปต่อไปเจอกันที่มาเลเซีย